สหายเลขาธิการ สหายทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดี สั่งเปิดการประชุมรัฐบาล ครั้งที่ 1 ปี 2567 - ลาววันนี้ Laos today

สหายเลขาธิการ สหายทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดี สั่งเปิดการประชุมรัฐบาล ครั้งที่ 1 ปี 2567

​ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมรัฐบาลเปิดครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 สหายทองลุน สีสุลิด เลขาธิการคณะกรรมการบริหารกลางพรรค ประธาน สปป.ลาว ได้ให้ความเห็นและคำแนะนำที่สำคัญ

ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมรัฐบาลเปิดครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2567 ทองลุน สีสุลิด เลขาธิการคณะกรรมการบริหารกลางพรรค ประธานสปป. ลาว ได้ให้ความเห็นและคำแนะนำที่สำคัญดังนี้การประชุมรัฐบาลเปิดครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงกลางเดือน สภาพแวดล้อมทางนานาชาติที่ซับซ้อน เต็มไปด้วยความท้าทายต่อเสถียรภาพและเสถียรภาพของโลกการเมือง เศรษฐกิจ และการเงิน ในประเทศเรากำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินซึ่งขณะนี้กลายเป็นวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นผู้นำของพรรคและรัฐของเราโดยเฉพาะการบริหารงานของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐในท้องถิ่นซึ่งปรากฏอยู่ในความวุ่นวายของ อัตราแลกเปลี่ยนกีบอ่อนอัตราเงินเฟ้อ … ทำให้ราคาสินค้าและค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ดังนั้นการประชุมครั้งนี้แม้จะเป็นการประชุมสามัญแต่ก็เหมาะสมกับเวลาและความเร่งของสถานการณ์เพื่อให้ภาครัฐต้องหารือ วิจัย และหาแนวทางแก้ไข วางมาตรการ-วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องตามและ มอบหมายให้ภาคส่วนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการด้วยความเข้มงวด มีความรับผิดชอบสูง และมีจิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่น ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากและเอาชนะความท้าทายที่มีอยู่ในปัจจุบันได้

      สหายเลขาธิการ ประธานาธิบดี กล่าวขอบคุณและชื่นชมในความพยายามของรัฐบาล องค์กรการเมือง รัฐบาลกลาง ประชาชนระดับรากหญ้า และประชาชนชาวลาว ภาคเศรษฐกิจต่างๆ ที่พยายามต่อสู้อย่างหนัก สนับสนุนรัฐบาลผ่าน ความยากลำบากและบรรลุความสำเร็จในหลายด้านเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคมในปี 2567 โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกของปีสามารถ  บรรลุ  ได้ตามแผนไม่ว่าจะเป็นในด้านการผลิต การแปรรูป หรือการบริการ การเติบโตอย่างต่อเนื่อง แนวโน้ม; การเก็บรายได้เพิ่มขึ้น การชำระหนี้ทำได้ยากแต่จัดสรรงบประมาณแล้วระดมกำลังจากภายในเพื่อไม่ให้พลาดกำหนดชำระหนี้ ดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพยายามควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน รายได้สกุลเงินจากการส่งออกผ่านระบบธนาคารมีแนวโน้มดีขึ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ( GDP ) สูงถึง 4.7%เป็นต้น ทั้งหมดนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีและเป็นพื้นฐานในการผลักดันการดำเนินการตามแผนงานเน้นของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนสิ้นปี 2567 ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-การเงินและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหา. แม้ว่าความสำเร็จที่ได้รับจะเป็นโอกาสอันดีและเป็นพื้นฐานสำคัญในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาเร่งด่วนในปัจจุบันได้

          ดังนั้น สหายเลขาธิการ ประธานาธิบดี จึงได้สั่งการให้การเตรียมเนื้อหาและการกำหนดหัวข้ออภิปรายในการประชุมรัฐบาลครั้งนี้ควรสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มีความแม่นยำ และจัดลำดับความสำคัญ จัดลำดับความสำคัญให้ชัดเจนเพื่อปรึกษาหารือ ถกเถียงกันเชิงลึก และ เมื่อมีมติ ก็จำเป็นต้องแบ่งงาน มอบหมายงานที่ชัดเจนให้ดำเนินการ และติดตามตรวจสอบการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เป็นต้น

  1. ปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่เรากำลังเผชิญอยู่คือการไม่สามารถจัดการอัตราแลกเปลี่ยน เงินตรา ต่างประเทศด้วยเงินกีบได้ ทำให้มูลค่าเงินกีบอ่อนลงทุกวัน

–       คุณพบสาเหตุของปัญหาหรือไม่?

–       คุณพบทางออกแล้วหรือยัง?

–       มีทางออกกี่ทาง?

–       หลังจากนั้น ใครแก้ไข ใครตรวจสอบ ใครสรุปแก้ไข ต้องชัดเจน ต้องชัดเจน

  1. เงินเฟ้อ :ควบคุมไม่ได้ ไม่หยุด เพราะอะไร? เห็นต้นตอของปัญหาไหม? อะไรคือสาเหตุหลัก อะไรคือทางตรง อะไรคือทางอ้อม? เช่น

–       จากอัตราแลกเปลี่ยน? กิ๊บอ่อนแอเหรอ?

–       เป็นเพราะการผลิตในประเทศไม่เติบโตและคุณต้องดิ้นรนนำเข้าสินค้าใช่หรือไม่?

–       จากการเพิ่มขึ้นของM2 ?

–       เป็นเพราะการปรับภาษีหรือการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก-สินเชื่อที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือไม่?

ถ้ารู้ว่าเกิดจากอะไร ที่ประชุมนี้ก็ต้องวางมาตรการแก้ไข

ปัญหาที่กล่าวถึงคืออะไร?

ปัญหาเหล่านี้แยกออกเป็นความรับผิดชอบของใคร ส่วนไหน องค์กรไหน ความรับผิดชอบของรัฐบาลคืออะไร หรือภาระขององค์กรมหภาคคืออะไร องค์กรย่อยมีหน้าที่รับผิดชอบอย่างไร ภาระผูกพันของสังคมคืออะไร …การประชุมครั้งนี้ต้องชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน

3.   ราคาสินค้าสูงขึ้นควบคุมไม่ได้ เกิดจากสาเหตุใด? แพงเพราะขาดแคลน หรือแพงเพราะขาดการเติบโตของการผลิตในประเทศ แพงเพราะอัตราแลกเปลี่ยน แพงเพราะการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม หรือเกิดจากการปั่นตลาด หรือเกิดจากจิตวิทยาสังคม หรือปัจจัยอื่นแอบแฝง… ถ้า ภาคส่วนไม่รู้, ราชการส่วนท้องถิ่นไม่รู้วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง, ไม่รู้จะแบ่งงานอย่างไรและมอบหมายหน้าที่ให้ใครแก้ไขคือแก้ปัญหาแต่ไม่แก้ปัญหา) สถานการณ์นี้มีแต่จะทำให้ ปัญหาและทำให้ปัญหาแย่ลง

4.   นโยบายเข้มงวดมีการวางเอาไว้อย่างดีแต่ขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหรือไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขากำลังฉวยโอกาสซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เหตุใดสำนักงานการเมืองพรรคกลางจึงแนะนำให้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย หรือไม่นำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น? แซงปีที่แล้ว ปีนี้แซงกว่าปีที่แล้ว… ) นี่คือการรมควันเงินตราต่างประเทศทำให้สกุลเงินไหลโดยอัตโนมัติ เรารู้แล้วว่ารถยนต์นำเข้ามาเพื่อใช้เชื้อเพลิง น้ำมันมีราคาแพงกว่าและไม่มีบริการ น้ำมันขาดปั๊ม… เป็นปัญหาสังคม ปัญหาการเมือง แทนที่จะนำเข้าเพื่อรองรับและส่งเสริมการผลิต แทนการออมเงิน ด้วยมาตรการและส่งเสริมให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้า…ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถประหยัดเงินบริหารไปต่างประเทศได้…

5. การสร้างเงื่อนไขสำหรับการผลิตภายใน:

  1. การผลิตในประเทศแทนการนำเข้าไม่เพียงพอแต่มีสินค้าบางประเภทที่มีอยู่แล้วแต่ไม่ทราบวิธีจัดสรรซึ่งเป็นเหตุผลให้ผู้ที่ต้องการนำเข้าที่ได้ประโยชน์จาก การนำเข้าเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาส
  2. ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อดึงดูดให้นำเงินทุนมาสู่โครงสร้างการผลิตของประเทศเพื่อสร้างงานให้กับคนในประเทศ เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ในประเทศ ลดการนำเข้าใช้สกุลเงินออมสกุลเงินเพื่อเพิ่ม สกุลเงินสำรองและ ทุนสะสมของรัฐนโยบาย เปิด รายการที่ครั้งหนึ่ง เคยประกาศ ว่าดีถูกต้องแล้วทุกคนก็มีความสุข สุดท้ายก็กลายเป็นปิดไปเพราะขาดความรับผิดชอบขาดการตรวจสอบวินัยการลงโทษผู้ไม่ทำหรือขัดขวาง… 

6.   การแก้ปัญหาหนี้สาธารณะหนี้ต่างประเทศยังคงเป็นปัญหาใหญ่ถึงแม้จะมีความพยายามที่จะหยุดยั้งการสร้างหนี้เพิ่มขึ้นด้วยมาตรการและรูปแบบต่างๆ มากมาย แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทายหากก้าวต่อไปประเทศก็จะเป็นเช่นนี้ ยากที่จะหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ เราเข้าใจดีร่วมกันว่าต้องจัดสรรให้ดี มีทางแก้ไข หลายมาตรการ คลายเครียด…การประชุมครั้งนี้ต้องค้นคว้า ไตร่ตรองให้ดี และหาทางออกที่ชัดเจน…

สหายเลขาธิการประธานยังได้ชี้ให้เห็นถึงผลที่ตามมาของการไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ซึ่งทำให้เกิดสถานการณ์ที่น่ากังวลต่างๆ เช่น

–       พนักงานออกจากตำแหน่ง (กำลังคน, สมองไหล)

–       แรงงานมีฝีมือรวมทั้งแรงงานดิบไหลออกนอกประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ

–       ธุรกิจในประเทศไม่เคลื่อนไหว

–       นักลงทุนต่างชาติอาจถอนตัวหรือไม่ดำเนินธุรกิจต่อไป รัฐไม่มีฐานรายได้ หรืออาจลดลง ;

–       ต่างชาติไม่มาลงทุน

–       ภาพลักษณ์ของประเทศที่ได้รับผลกระทบ

–       ประชาชนในประเทศและประเทศหุ้นส่วนกำลังพัฒนาขาดความศรัทธาและความไว้วางใจ

–       การว่างงานเพิ่มขึ้น

–       คนหนุ่มสาว คนหนุ่มสาวลาออกจากโรงเรียนมากขึ้น

–       ปัญหาสังคมต่างๆ และอื่นๆ…

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการเปลี่ยนผ่านครั้งใหม่สู่จุดเปลี่ยนผ่านใหม่ด้วยการบริหารจัดการที่เหมาะสม ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด ไม่รับรู้โดยตรง มองโดยตรง หรือตะโกนหรือไม่บ่น

พูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันก็เพราะเราเป็นผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบชะตากรรมของประเทศ อีกประการหนึ่งเราทุกคนโดยเฉพาะผู้นำในระดับต่างๆ จะต้องสงบ ไม่วิตกกังวล และไม่สิ้นหวังจนเกินไป ไม่ว่าจะยากลำบาก ท้าทายแค่ไหน ก็ต้องมีทางแก้ไข หากเราทุกคนยืนหยัดบนหลักการปฏิวัติ หลักชนชั้น ค้นหาวิธีแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ มองปัญหาและแก้ไขปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ อย่าปล่อยให้ความเร่งรีบ ความร้อน และความวิตกกังวลครอบงำจนปัญหาตกได้ สิ่งสำคัญคือต้องแก้ไขตั้งแต่ต้นและ ถูกต้องตรงประเด็น

จากนั้น สหายเลขาธิการ ประธานาธิบดี ได้เสนอประเด็นที่เป็นแนวคิดและแนวทางให้ที่ประชุมรัฐบาลครั้งนี้ค้นคว้า พิจารณา และตกลงร่วมกันดำเนินการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนี้

1.  ขอเอามติสำนักการเมืองพรรคกลางของพรรค เรื่อง การสร้างเศรษฐกิจอิสระเป็น “เศรษฐกิจปกครองตนเอง”ยุคใหม่ ฉบับที่ 04/คมโสภ์ ลงวันที่ 11 เมษายน 2567 เป็น อ้างอิงถึงการหาอาวุธ เข็มทิศ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ (ถึงแม้จะมีพระราชกฤษฎีกาแบ่งงานแต่ก็ต้องนำไปปฏิบัติ)

  1. เมื่อตระหนักได้ว่าอยู่ในภาวะวิกฤติก็ต้องปรับแผนงานที่ยังคงเป็นแผนปกติให้เป็นแผนฉุกเฉินแน่นอน ไม่วิตก สิ้นหวัง ไม่มีทางหาย แต่รัฐบาลต้องเป็นผู้นำในการ ทุกหน่วยงาน ทุกหน่วยงาน ทุกท้องถิ่น เพื่อดูรูปแบบและวิธีการทำงานที่ก้าวหน้า อย่างแท้จริง ของรัฐบาลหรือผู้ที่เป็นหัวหน้าของแต่ละองค์กร ท้องถิ่น…

แนวทางการทำงานที่เป็นนวัตกรรมใหม่ต้องจัดทำแผนการจัดการใหม่เพื่อรองรับสถานการณ์ปัจจุบันดังนี้

  1. ทุกนโยบาย ทุกชุดงาน จะต้องจัดเป็นส่วนที่ชัดเจน สมจริง เข้าใจง่าย และนำไปปฏิบัติได้
  2. งานทุกอย่างที่จัดไว้ต้องแบ่งกันมอบหมายให้ทำ แบ่งกัน มอบหมายให้กันแจ้งว่าหน่วยงานไหนรับผิดชอบ ใครจะชี้แนะ ไม่ควบคุมเถาวัลย์ ไม่รวม ไม่กระจาย ระบุ จะต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดกรณีทับซ้อนกันในการดำเนินงาน หรือไม่มีกรณีที่ได้รับมอบหมายงานใดงานหนึ่ง หรืองานบางงานไม่เสร็จ ไม่มีหน่วยงานเสร็จ หรือไม่มีผู้รับผิดชอบ… เป็นต้น
  3. การมอบหมายงานต้องมีระดับที่คาดหวัง ต้องมีกำหนดเวลา ให้แล้วเสร็จวันไหน – ระยะเวลาไหน สรุปรายงานเมื่อใด – รายงานให้ใครเมื่อใด ผู้รับรายงานต้องสังเกต – ประเมินเหตุผลว่าอะไร จะทำหรือไม่แจ้งให้ทราบก็ได้
  4. ผู้บังคับบัญชาจะต้องมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวด (การตรวจปกติ การตรวจฉุกเฉิน) ตามข้อเสนอของประชาชน มวลชน หรือการตรวจสอบตามการประท้วง
  5. มีตำหนิ-ผิดพลาดต้องรีบแก้ไขอย่าปล่อยให้ค้างคา
  1. สหายเลขาธิการ ประธานาธิบดีได้เสนอเป้าหมายและเป้าหมายเฉพาะบางประการที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาตามที่คาดหวังซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วน:
  2.  หยุดค่ากีบอ่อนภายใน 1 เดือนแล้วค่อยๆ แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ต้องทำถ้าตัดสินใจทำด้วยความรับผิดชอบอย่างแท้จริง)
  3. ลดอัตราเงินเฟ้อลงทีละขั้นตอนทุกวิถีทาง (ขึ้นอยู่กับระดับที่ได้รับอนุมัติจากสภา)
  4. บริหารจัดการราคาสินค้าให้เป็นเชิงและสมเหตุสมผล เราดำเนินการค้าเสรีและเปิดกว้าง แต่ด้วยการปรับการจัดการของรัฐ นี่คือเศรษฐกิจตลาดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของลัทธิสังคมนิยม
  5. แก้ไขปัญหาค่าครองชีพของพนักงาน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ครู แพทย์ ให้อยู่ในระดับที่สามารถบังคับใช้ได้… สร้างเงื่อนไขทั้งหมดเพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้มากที่สุด โดยถือว่างานนี้มีความสำคัญสูงสุด
  6. เพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศให้ถึงระดับที่คาดหวังหรือเกินด้วยมาตรการนำเข้า-ส่งออกสินค้าผ่านระบบธนาคาร
  7. ลดการใช้เงินตราอย่างแข็งขันโดยจำกัดการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น จัดตั้งธนาคารทองคำโดยเร็วที่สุด และรวบรวมทองคำไว้เป็นทุนสำรองของรัฐ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการรับประกันเสถียรภาพของเศรษฐกิจของประเทศ แต่ต้องจัดการให้มุ่งเน้น ลดการใช้สกุลเงินเป็นหัวใจของการออม คือ การป้องกันการเพิ่มขึ้นของการแลกเปลี่ยนนอกระบบ
  8. ตัดสินใจอย่างสูงในการดำเนินมาตรการออมทรัพย์ โดยวางมาตรการการออมเหล่านี้ไม่สามารถสรุปได้ทั่วไป ต้องมีจุดเน้น รายละเอียดที่ครอบคลุม เช่น การออมทุน การประหยัดพลังงานการออมค่าใช้จ่ายในการบริหาร… การจะนำนโยบายการออมนี้ไปใช้ เราจะต้อง จัดทำแผน สร้างกระบวนการปฏิบัติไปพร้อมๆ กันทั่วสังคม
  9. เร่งแก้ไขขจัดกลไกที่ครอบงำ ล่าช้าไม่โปร่งใส และมีเงื่อนไขการทุจริตการรับสินบนการให้สินบน และการตรวจสอบบุคคลที่ฉวยโอกาสเมื่อมีสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น การยักยอก และการขายโครงการขโมยทรัพยากรไปเอาทรัพย์สินส่วนรวมมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว…อย่างเด็ดเดี่ยวเด็ดเดี่ยว
  10. เก็บหนี้ต่อไป จ่ายหนี้ให้รัฐ รีบประมูลทรัพย์สินที่คนร้ายขายได้ รีบเก็บวัตถุ-เงิน ทองคำ สมบัติจากผู้ที่ขโมยเอาไปเป็นคดี

ต่างๆที่ศาลได้ตัดสินแล้ว

  1. เลขาธิการประธานาธิบดียังเรียกร้องให้ทุกฝ่าย รัฐ กองทัพ และประชาชนลาวให้ความสนใจกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ-การเงินที่กำลังเผชิญอยู่เพื่อเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเพื่อนำไปปฏิบัติ สโลแกนเราทำได้ เราทำเองได้ สิ่งสำคัญคือเพิ่มความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ใช้เศรษฐกิจอิสระเป็นแนวทาง เป็นอาวุธ ฝ่ายการเมืองของพรรคกลางกำกับ; รัฐบาล ฝ่ายบริหาร-บริหาร สภาประชาชน-สภาประชาชนท้องถิ่น ติดตาม ตรวจสอบ และแสดงความคิดเห็น องค์กรทางการเมืองที่มวลชนระดมพลจัดวางเป็นแบบอย่าง นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ประชาชน มีส่วนร่วมและนำไปปฏิบัติอย่างเป็นระบบและมีสติ จึงจะสามารถแก้ไขเอาชนะประเทศชาติได้อยู่และก้าวไปข้างหน้าได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

You might like

© 2024 ลาววันนี้ Laos today - 📰